กล่องกระชุหิน หรือ Gabion และ Mattress ของทางบริษัท ทอด้วยลวดชุบสังกะสีที่มีคุณภาพสูง และได้รับการรับรองมาตรฐานสากล ในด้านของความต้านทางแรงดึง (Tensile Strength) ที่มีค่าเท่ากับ 38-55 กก./มม. และน้ำหนักสังกะสีที่เคลือบ Galvanized ที่ไม่ต่ำกว่า 240 กรัม/ตรม. ทุกกล่อง
คุณลักษณะที่สำคัญของกล่องชะลุหิน
- มีความอ่อนตัว ติดตั้งง่าย ประหยัดต้นทุน
- มีความแข็งแรง รับน้ำหนักและแรงต้านทานได้สูง
- น้ำหรือของเหลวสามารถซึมผ่านได้ดี
- มีความทนทานต่อสภาพอากาศ ทนต่อการกัดเซาะ
- มีความยืดหยุ่นและรักษาสิ่งแวดล้อม
Gabion
กล่องชะลุหิน (Gabion) เป็นกล่องบรรจุหินที่ทำมาจากลวดชุบสังกะสี หรือพีวีซี ทอเป็นตาข่ายหกเหลี่ยม ขึ้นรูปเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้า ภายในกั้นเป็นช่องๆ กล่องกระชุหินจะมีขนาดต่างกัน ขึ้นอยู่กับลักษณะการใช้งาน เวลาใช้งานต้องนำมาประกอบเข้าด้วยกันที่สถานที่ติดตั้งโดยใช้ลวดพันยึดติดกันไว้แล้วทำการบรรจุหินที่มีขนาดใหญ่กว่าช่องตาข่ายเล็กน้อย โดยส่วนมากนิยมใช้หินที่มีความแกร่งเหมาะที่จะนำไปใช้ในงานป้องกันและรักษาหน้าดิน หรือในงานที่เกี่ยวกับระบบควบคุมการกัดเซาะตลิ่งและอุทกภัย เช่น ฝาย (Weirs) แผ่นบุร่องสันเขื่อนและการตกแต่งแนวของแม่น้ำ
Specification of Gabion
Mattress
เมทเทรส (Mattress) เป็นกล่องกระชุหินอีกชนิดหนึ่งที่มีลักษณะเดียวกับ Gabion แต่มีความสูงและขนาดของตาข่ายเล็กกว่า นอกจากนี้ยังทำฝาตาข่ายให้มีขนาดเท่ากับความกว้างของกล่อแยกต่างหากโดยไม่ติดกับตัวกล่อง สามารถนำไปใช้งานที่มีลักษณะยืดหยุ่นกว่ากล่อง Gabion หรือนำไปใช้ร่วมกัน เช่น นำไปทำแนวกั้นน้ำไหล (Lining Channels) หรือเป็นแผ่นบุรองน้ำ เพื่อยันฐานเขื่อนหรือตลิ่ง
การนำไปใช้งานของเมทเทรส (Mattress)
- การตกแต่งแนวขอบแม่น้ำ
- เป็นแนวเขื่อนกันคลื่นทะเล
- การป้องกันแนวสะพานและท่อระบายน้ำ
- กั้นเขตแดนหรือแนวรั้ว
Specification of Mattress
ในปัจจุบันตัวกล่องกระชุหินถูกนำมาใช้ในงานทางวิศวกรรมโยธาอย่างแพร่หลาย ด้วยคุณสมบัติที่ช่วยเสริมความหนาแน่นของโครงสร้างภายในงานวิศวกรรมโยธาในพื้นที่ลาดเอียง และป้องกันการพังทลายของชั้นดิน ทั้งนี้เพื่อเสริมความแข็งแรงของพื้นผิวให้สอดคล้องกับงบประมาณที่มีจำกัด และที่สำคัญวัสดุทุกชนิดที่ใช้ผลิตกล่องกระชุหินจะถูกคัดสรรและตรวจสอบให้ได้มาตรฐานการผลิตทุกขั้นตอนด้วยเครื่องจักรที่ทันสมัยและได้รับการรับรองคุณภาพภายใต้มาตรฐานอุตสาหกรรมที่เป็นสากล
ตัวอย่างทางด้านงานวิศวกรรม เช่น
- การป้องกันหินตกจากที่สูง
- การรักษาโครงสร้าง
- การตกแต่งแนวขอบแม่น้ำและภูมิทัศน์
- ทำแนวเขื่อนกั้นคลื่นทะเล
- ป้องกันการพังทลายของริมตลิ่ง
- ป้องกันการทรุดตัวของโครงสร้างอาคาร
ลักษณะเด่นของกล่องชะลุหิน
- ประหยัดพื้นที่ในการใช้งาน เพียงแค่บรรจุหินใส่ในกล่องชะลุหินแล้วปิดผนึก
- การก่อสร้างง่ายไม่ต้องใช้ความสามารถพิเศษ
- แข็งแรงทนทานต่อภัยธรรมชาติและทนต่อการกัดเซาะ
- ทนทานต่อการผิดรูปร่างขนาดใหญ่และไม่พังทลาย
- ความสามารถซึมผ่านของน้ำได้ดี
- ลดต้นทุนในการขนส่ง สามารถทำงานได้โดยไม่เปลืองเนื้อที่
- เป็นมิตรกับธรรมชาติ ซึ่งวัสดุที่นำมาใช้ไม่มีผลเสียต่อธรรมชาติ
ในด้านของกระบวนการผลิตผ่านการตรวจสอบคุณภาพตั้งแต่เริ่มต้นจนกลายเป็นกล่องกระชุหินที่มีคุณภาพตั้งแต่เริ่มต้นจนกลายเป็นกล่องกระชุหินที่มีคุณภาพ ลวดชุบสังกะสีจะถูกทอเป็นตาข่ายหกเหลี่ยมโดยบิดเป็นเกลียว 3 รอบ ด้วยเครื่องจักรที่มีมาตรฐานและทันสมัย และตาข่ายที่ทอเต็มผืนแล้วจะนำมาขึ้นเป็นกล่องตามขนาดที่ต้องการโดยช่างที่มีประสบการณ์และมีความชำนาญงาน ทางบริษัทจังมั่นใจและรับประกันได้ว่า กล่องกระชุกหิน (Gabion Mattress) จะมีคุณภาพและมาตรฐานเพียงพอที่จะนำไปใช้ในลักษณะงานต่างๆ ตามความต้องการและความเหมาะสม
รายละเอียดคุณลักษณะเฉพาะ (Specifications)
กล่องลวดตาข่ายเหล็กเคลือบสังกะสีหุ้ม พี.วี.ซี Gabions
1. ลักษณะทั่วไป
- 1.1 กล่องลวดตาข่ายกระชุหินประกอบขึ้นด้วย ลวดเหล็กเคลือบสังกะสีหุ้มด้วย พี.วี.ซี ประกอบเป็นรูปตาข่ายหกเหลี่ยม มีโครงยึดเป้นกล่อง ลักษณะกล่องเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้าตรงกลางมีผนังตรงกลางมีผนังลวดตาข่ายกั้นเป็นระยะความยาวละมีฝ่าปิดเปิดสำหรับบรรจุหินได้โดยสะดวก
- 1.2 กล่องลวดตาข่ายกระชุหิน ชนิดหุ้มด้วย พี.วี.ซี. (poly vinyl chloride) ต้องเป็นของใหม่และไม่เคยใช้งานมาก่อน ต้องปราศจากรอยตำหนิ รอยปริแตกร้าว และข้อเสียอื่นๆ
2. ขนาดกล่องลวดตาข่ายเหล็กเคลือบสังกะสีหุ้ม พี.วี.ซี. Gabions
- 2.1 ขนาดกล่องที่ต้องการให้จัดทำตามแบบกำหนด ซึ่งมีขนาดมาตรฐานตาม รูปร่างขนาดกล่อง
- 2.2 ขนาดความกว้างและขนาดความยาวของกล่องให้เป็นไปตามแบบ โดยมิติเป็นเมตร
- 2.3 ขนาดความสูงของกล่องต้องไม่ต่ำกว่า 0.50 ม.
- 2.4 ขนาดของตาข่ายให้เป็นไปตามแบบกำหนด มีมิติเป็นเซนติเมตร
- 2.5 แต่ละกล่องต้องประกอบด้วย ผนังตาข่าย (diaphragm) กั้นทุกระยะไม่เกิน 1.00 ม. ตลอดความยาวของกล่อง
3. ขนาดของลวดและสังกะสีที่เคลือบ
ขนาดและความความคลาดเคลื่อนที่ยอมให้ของลวด และน้ำหนักของสังกะสีที่เคลือบ ต้องมีขนาดและความคลาดเคลื่อนที่ยอมให้ และน้ำหนักของสังกะสีที่เคลือบตามกำหนดดังนี้
สำหรับการทดสอบหาน้ำหนักของสังกะสีที่เคลือบ ให้ใช้วิธีทดสอบตามมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม มอก. 71-2532
4. การด้านแรงดึง
ลวดเหล็กเคลือบสังกะสี ซึ่งนำมาทำเป้นกล่องลวดตาข่ายต้องมีการต้านแรงดึง (tensile strength) ระหว่าง 38-55 กก./มม. การทดสอบตามมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม มอก. 71-2532
5. ขนาดของรูปตาข่าย
ลวดเหล็กสังกะสี ต้องทำการถักให้เป็นรูปหกเหลี่ยมมีลักษณะดังนี้
- 5.1 ขนาดตาข่าย ลักษณะเป็นรูปหกเหลี่ยมขนาด 8 x 10 ซม. หรือ 10 x 12 ซม.ตามที่กำหนดในแบบ(ความคลาดเคลื่อน ….1 ซม.)
- 5.2 ลักษณะเกลียว บิดลวดเหล็กเคลือบสังกะสีให้เป็นเกลียว จำนวน 3 เกลียว ดังรูปโดยสังเขป
6. ความหนาวของ พี.วี.ซี. ที่หุ้ม
ลวดเหล็กเคลือบสังกะสีจากข้อ 3 ต้องนำมาหุ้มด้วย พี.วี.ซี. (poly vinyl chloride) ตามกรรมวิธีของผู้ผลิต เมื่อหุ้มด้วย พี.วี.ซี. แล้วความหนาของ พี.วี.ซี. ต้องมีความหนาเฉลี่ยระหว่าง 0.45-0.55 มม. และแต่ละค่าต้องไม่น้อยกว่า 0.40 มม.
7. คุณสมบัติการหุ้มของ พี.วี.ซี.
ที่ใช้ทำกล่องลวดตาข่ายเหล็กเคลือบสังกะสีหุ้ม พี.วี.ซี. ต้องไม่มีรอยปริแตกร้าว และต้องมีความทนทานต่อการถักกร่อนและทนทานต่ออุณหภูมิดังต่อไปนี้
- 7.1 การทดสอบรอยปริรอยแตกร้าวของ พี.วี.ซี. โดยการแช่ลวดเหล็กเคลือบสังกะสีหุ้ม พี.วี.ซี. ส่วนที่เป็นเกลียว (ปลายที่ถูกตัดไม่ต้องจุ่ม) ลงในสารละลายกรดไฮโดรคลอริก (HCL) 50% โดยน้ำหนัก เป็นเวลา 48 ชั่วโมง ต่อเนื่องกันในอุณหภูมิปกติต้องไม่เกิดก๊าซไฮโดรเจนบนผิวของลวดเหล็กเคลือบสังกะสี หุ้มพี.วี.ซี. เมื่อนำไปทดสอบตามข้อ 8.1
- 7.2 ความทนทานต่อการกัดกร่อนที่ปลายลวด โดยการจุ่มลวดเหล็กเคลือบสังกะสี หุ้ม พี.วี.ซี. ลงในสารละลายกรดไฮโดรคลอริก (HCL) 50% โดยน้ำหนัก เป็นเวลา 100 ชั่วโมง ต่อเนื่องกันที่อุณหภูมิปกติ การกัดกร่อนที่กัดลึกเข้าไปจากปลายลวดเหล็กหลังจากตัดปลายลวดเหล็กออกตรวจสอบจะต้องไม่เกิน 30 มม.เมื่อนำไปทดสอบตามข้อ 8.2 (สำหรับผลการทดสอบให้ใช้ค่าเฉลี่ย)
- 7.3 ความทนทานต่ออุณหภูมิ โดยการวางลวดเหล็กเคลือบสังกะสี หุ้ม พี.วี.ซี. ไว้ในที่มีอุณหภูมิ 105 องศาเซนติเกรด เป็น 100 ชั่วโมง ต่อเนื่องกัน คุณสมบัติขิง พี.วี.ซี. จะต้องไม่เปลี่ยนแปลงเมื่อนำไปทดสอบตามข้อ 8.3
8. วิธีการทดสอบลวดเหล็กเคลือบสังกะสี หุ้ม พี.วี.ซี.
ที่ใช้ทำกล่องลวดตาข่ายเหล็กเคลือบสังกะสีหุ้ม พี.วี.ซี. ต้องไม่มีรอยปริแตกร้าว และต้องมีความทนทานต่อการถักกร่อนและทนทานต่ออุณหภูมิดังต่อไปนี้
8.1 การทดสอบรอยปริแตกร้าวของ พี.วี.ซี. มีวิธีดังนี้
- 8.1.1 นำลวดเหล็กเคลือบสังกะสี หุ้ม พี.วี.ซี. ตัวอย่างส่วนที่เป็นเกลียว จำนวน 3 ชิ้นทดสอบ หุ้มพี.วี.ซี. เมื่อนำไปทดสอบตามข้อ 8.1
- 8.1.2 แช่ชิ้นทดสอบในสารละลายกรดไฮโดรคลอริก (HCL) 50% โดยน้ำหนักเป็นเวลา 48 ชั่วโมง โดยให้ปลายลวดโผล่พ้นสารละลาย
- 8.1.3 สังเกตดูว่าเกิดก๊าซไฮโดรเจนบนผิวของลวดเหล็กเคลือบสังกะสีหุ้ม พี.วี.ซี. ที่ตัวอย่างหรือไม่
8.2 ความทนทานต่อการกัดกร่อนที่ปลายลวด มีวิธีดังนี้
- 8.2.1 นำลวดเหล็กเคลือบสังกะสีหุ้ม พี.วี.ซี.ตัวอย่าง จำนวน 3 ชิ้น ทดสอบแต่ละชิ้นยาวประมาณ 80 มิลลิเมตร
- 8.2.2 แช่ชิ้นทดสอบลงในสารละลายกรดไฮโดรริก(HCL) 50% โดยน้ำลึกประมาณ 30 มิลลิเมตร (สารละลายปริมาตร200 มิลิเมตร ในบิกเกอร์ 1,000 มิลลิเมตร) เป็นเวลา 100 ชั่วโมง ที่อุณหภูมิห้อง
- 8.2.3 เมื่อครบเวลาที่กำหนด ให้นำชิ้นทดสอบล้างด้วยน้ำ เช็ดให้แห้ง
8.2.4 วัดความยาวจากปากลวดทั้งสองข้าง ที่สารละลายกรดไฮโดรริกซึมเข้าไปเป็นมิลลิเมตร แล้วนำมาเฉลี่ย (โดยวัดจากปลาย พี.วี.ซี. ถึงสังกะสีที่หุ้มลวด)
8.3 ความทนทานต่ออุณหภูมิ มีวิธีดังนี้
- 8.3.1 นำลวดเหล็กเคลือบสังกะสี พี.วี.ซี. ตัวอย่าง จำนวน 3 ชิ้นทดสอบ
- 8.3.2 นำชิ้นทดสอบใส่ในตู้อุณหภูมิ 105 องศาเซนติเกรด เป็นเวลา 100 ชั่วโมง
- 8.3.3 เมื่อครบเวลาที่กำหนดนำลวดเคลือบสังกะสีหุ้ม พี.วี.ซี. ตัวอย่าง มาทำให้เย็นที่อุณหภูมิห้องและตรวจดูว่าผิว พี.วี.ซี. ที่หุ้มมีคุณสมบัติไม่เปลี่ยนแปลง (ตามข้อ 1.2)
8.4 การทดสอบน้ำหนัก ฃของสังกะสีที่เคลือบลวด กรัมต่อตารางเมตร ให้ใช้วิธีทดสอบตาม มอก. 71-2532
8.5 การทดสอบการต้านแรงดึง (tensile strength) ของลวดเหล็กเคลือบสังกะสีให้ใช้วิธีการทดสอบตาม มอก.71-2532
วิธีการติดตั้งกล่องแกเบียนและเมทเทรส
การขนส่งวัสดุ
แกเบียนถูกผลิตขึ้นโดยมีส่วนประกอบที่จำเป็นตามมาตรฐาน ASTM A975-97 โดยจะถูกจัดส่งมาในรูปของกล่องแบบซ้อนทับรวมกันเป็นมัดเพื่อความสะดวกในการขนส่งละขนย้ายโดยขดลวดถักจะถูกจัดส่งมาพร้อมกันเพี่อใช้ในการขึ้นรูปกล่องแกเบียน
การประกอบ
วางกล่องแกเบียนลงบนพื้นราบละแข็ง จากนั้นจึงแก้มัดออกนำเศษวัสดุที่ใช้มัดออกให้หมด ยกแผ่นปิดข้างรวมทั้งแผ่นกระบังกั้นขั้นตั้งให้ตรงเพื่อประกอบเป็นกล่องฝาปิด
(ดังรูปที่ 1)
ยึดแผ่นตะแกรงด้านหน้าและด้านหลังเข้ากับแผ่นปิดข้างทั้งสองด้านและแผ่นกระบังกลางตรงบริเวณมุมด้านบนของแผ่นกระบังกลางจะมีลวดขอบส่วนที่ยื่นออกมากดังกล่าวมัดให้ติดกันเพื่อประคองรูปร่างกล่องในเบื้องต้น จากนั้นใช้ลวดถักที่ส่งมาเป็นม้วนถักยึดขอบให้ติดกันตลอดโดยถักยึดแผ่นฝาปิดด้วยดังแสดง (ดังรูปที่ 2 )หรืออาจใช้ห่วงยึดที่มีระยะห่างแต่ละห่วงกันไม่เกิน 15 มิลลิเมตร สำหรับวิธีการใช้ลวดถักนั้นให้ตัดขนาดลวดให้ยาวเพียงพอลวดถักเพื่อยึดแป่นตะแกรงเข้าด้วยกันโดยอาจถักหนึ่งหรือสองรอบ เมื่อถักเสร็จให้งอปลายลวดถักที่เหลือเข้าด้านในกล่องตะแกรงเพื่อป้องกันการทิ่มตำ จากนั้นดึงแผ่นกระบังลวดให้ตั้งตรงแล้วติดติดกับแผ่นข้างด้วยวิธีเดียวกัน
การจัดวางและใส่วัสดุลงภายใน
หลังจากปรับแต่งพื้นบานรากที่จะวางกล่องแกเบียนให้ได้รับดีแล้ว จึงวางกล่องแกเบียนลงในตำแหน่งที่เหมาะสมโดยต้องยึดกล่องแกเบียนเข้าด้วยกัน และให้ได้แถวจากนั้นใส่หินใหญ่ลงภายใน กินที่ใส่ต้องแข็งอาจมีเหลี่ยมมุมหรือกลมและต้องสามารถทนต่อการถักกร่อนของน้ำหรือสภาวะอากาศตลอดช่วงอายุการใช้งาน ก้อนหินควรมีขนาดระหว่าง 100 มิลลิเมตร ถึง 200 มิลลิเมตร ในการใส่หินใหญ่นี้อาจต้องเรียงหินให้มีหินก้อนเล็กแทรกระหว่างช่องว่างของหินก้อนใหญ่ด้วย สำหรับกล่องที่ใช้เป็นผิวหน้าที่ตั้งตรงและสามารถมองเห็นได้อาจต้องเรียงหินด้วยความปราณีตเพื่อให้ได้ผิวหน้าที่เรียบสวยใส่หินลงในกล่องแกเบียนต้องกระทำโดยลำดับให้มีความหนาคราวละ 300 มิลลิเมตรต่อเนื่องกันในแต่ละช่องเซล จากนั้นจึงวนมาใส่อีกเรื่อยไปจนเต็มการกระทำดังนี้จะช่วยป้องกันไม่ให้พนังข้างของกล่องแกเบียนเสียรูปร่าง เนื่องจากแรงดันของหินเพียงด้านเดียวดังแสดง (ในรูปที่ 3 ) ในกรณีลวดที่ใช้ทำกล่องแกเบียนเป็นลวดหุ้มด้วยพีวีซี พึงต้องใช้ความระมัดระวังในการใส่หินเนื่องจากความคมและแรงกระแทกของหินอาจทำให้ พีวีซี ฉีกขาดได้ นอกจากนี้ขณะใส่หินยังต้องผูกลวดยึดรั้งแผ่นด้านข้างรวมทั้งแผ่นกำระบังกั้นเข้าด้วยกัน (ในรูปที่ 4) ที่ความสูงประมาณ1/3 และ2/3 ของ ความสูง 1 เมตร โดยยึดในตำแหน่งที่ตรงกันข้ามเพื่อรักษารูปร่างของกล่องไม่ให้ปูดออกขณะใส่หิน ภายหลังจากปิดฝากล่องแกเบียนชั้นแรกเรียบแล้วเมื่อวางกล่องแกเบียนชั้นถัดไปให้ยึดบานของกล่องชั้นบน กับส่วนฝาของชั้นล่างเข้าด้วยกันโดยใช้ลวดถัก
การปิดฝา
ในการใส่หินต้องใส่เผื่อให้สูงกว่าขอบของกล่องแกเบียนขึ้นมาประมาณ 25-40 มิลิเมตร จากนั้นปรับให้ได้ระดับ ทั้งนี้เมื่อกล่องรับน้ำหนักจากชั้นถัดไปก็จะเกิดการยุบตัวของหินพอดี ก่อนปิดฝาต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่าขอบบนของแผ่นกระบังกั้นยังโผล่ให้เห็น จากนั้นปิดฝาลงแล้ว แผ่นฝาจะต้องถูกยึดตลอดแนวขอบเข้าด้วยกันกับแผ่นปิดหัวท้ายและแผ่นกระบังกั้นด้วยกรรมวิธีเดียวกับการประกอบ ปลายลวดถักส่วนที่เหลือจะต้องหักงอเข้าด้านในกล่อง